News
วาระอันตราย ก่อนจะถึง 19 กันยา ม็อบนักศึกษายกระดับปิดสวิตช์รัฐบาล “ประยุทธ์
19 กันยายน การชุมนุมของกลุ่ม “ขบวนการนักเรียน นักศึกษา” จากหลายกลุ่มก้อน ทั้ง กลุ่มประชาชนปลดแอก แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กลุ่มนักเรียนเลว และอีกหลายสารพัดกลุ่ม
ถูกพยากรณ์โดยฝ่ายความมั่นคง นักการเมือง นักกิจกรรมทางการเมือง ทุกขั้ว ทุกข้างว่าจะเป็นการชุมนุมใหญ่ที่สุดในรอบ 6 ปี ตั้งแต่มีการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 มากกว่าการชุมนุมครั้งล่าสุดที่ถนนราชดำเนิน เมื่อค่ำคืนวันที่ 16 สิงหาคม
เป็นเชื้อไฟที่ต่อเนื่องมาจากแฟลชม็อบรอบแรกที่มีชนวนเหตุสำคัญจากการ “ยุบพรรคอนาคตใหม่” ของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ – ปิยบุตร แสงกนกกุล และพวก
แต่แท้จริงแล้วเริ่มเห็นแววการปะทุตั้งแต่ “พรรคอนาคตใหม่” ยังไม่ถูกยุบ เพราะจุดเริ่มต้น – ต้นตอมาจากการนัดรวมพลแฟลชม็อบ ของพรรคอนาคตใหม่ บริเวณหอศิลป์ กทม. วันที่ 14 ธันวาคม 2562 ที่กำลังเผชิญมรสุมยุบพรรค
“ธนาธร” กล่าวในวันนั้นว่า “ถือเป็นการซ้อมใหญ่ เราต้องการส่งเสียงถึงผู้มีอำนาจ เป็นการแสดงตนแสดงพลังว่า เราจะไม่ทน ไม่ถอยให้กับระบอบเผด็จการอีกแล้ว ที่ผ่านมาเขาทำให้เรากลัว ใครลุกขึ้นสู้ก็ถูกจับยัดคดีใส่ ถูกเรียกไปปรับทัศนคติ นี่คือการเมืองของเขา แต่เขาไม่มีทางชนะความหวังของพี่น้องประชาชนได้ อย่างตอนนี้ ถ้าไม่ให้ลงถนน ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว เพราะประชาชนที่มาร่วมแสดงตนมีเยอะมาก และเดือนหน้าเราจะได้ลงถนนกันแน่ ๆ ให้ซ้อมวิ่งกันไว้ได้แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่าเพิ่งกลัว ของจริงอยู่เดือนหน้า (คาดหมายว่าการยุบพรรคจะเกิดขึ้นในเดือน มกราคม 2563)”
ด้าน “ประจักษ์ ก้องกีรติ” นักรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์ – ความขัดแย้งในการเมืองไทย วิเคราะห์สถานการณ์ ก่อนการตัดสิน “ยุบพรรค” อนาคตใหม่ หากถูกยุบพรรคจะเกิดอะไรขึ้นว่า
“ความอึดอัดของคนจะมีมาก เพราะในแง่ timing ไม่ค่อยดี เพราะเป็นช่วงรัฐบาลกำลังขาลง ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสนิยมรัฐบาลกำลังตก ปัญหารุมเร้า”
“กรณีการตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ คนจะไม่อ่านคำตัดสินในแง่ข้อกฎหมาย แต่คนจะอ่านในฐานะความหมายทางการเมืองมากกว่า”
และเป็น “ผลลบ” กับ “รัฐบาลประยุทธ์” มากกว่าผลบวก “เพราะถ้าหากยุบ อนาคตใหม่จะเป็นการปลดปล่อยพลังทางการเมืองออกไปสู่อะไรก็ไม่รู้ เพราะการที่เก็บเขาไว้ในสภา ซึ่งการเมืองในสภาเป็นการประนีประนอมรอมชอม ต่อให้อนาคตใหม่. radical ขนาดไหน เมื่อเข้าสู่สภาแล้วก็ถูกปรับเปลี่ยนให้ประนีประนอมระดับหนึ่งเสมอ”
“แต่ถ้าผลัก อนาคตใหม่ออกไป ถูกยุบพรรค ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาจะไปไหน โดยเฉพาะกรรมการบริหารพรรคที่เล่นการเมืองในสภาไม่ได้อีกแล้ว ก็ผลักไปอยู่การเมืองนอกสภาโดยปริยาย ซึ่งการเมืองนอกสภาเป็นการเมืองที่คุมไม่ได้ เพราะเป็นพื้นที่เปิด”
“และการปราศรัยนอกสภาไม่มีระเบียบกฎเกณฑ์ ไม่มีประธานสภามาโต้ว่าห้ามพูดต่อ ไม่มีหมดเวลาการประชุม เป็นเรื่องของมวลชน”
แล้วก็เป็นอย่างที่ “ประจักษ์” วิเคราะห์ เพราะหลังจาก พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ แฟลชม็อบก็จุดติดไปทุกมหาวิทยาลัย
“ปิยบุตร แสงกนกกุล” อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวเชื่อมโยงการยุบพรรคอนาคตใหม่กับแฟลชม็อบนักศึกษา หลังพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ว่า
“บอกแล้วว่าหากยุบอนาคตใหม่จะเป็นอย่างไร เพราะอย่างน้อยที่สุดพรรคอนาคตใหม่คือรูระบาย ความอัดอั้น ความไม่พอใจต่างๆ และยังเป็นความหวัง เมื่อดึงมันออก เขาก็ไม่มีทางร
ะบายออก ดังนั้น จึงไม่รู้จะจบอย่างไร เพราะนี่คือสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงมันเดินแล้ว”
แม้แฟลชม็อบนักศึกษาตามรั้วมหาวิทยาลัยต่างๆ จะถูก วิชาบังคับ “โควิด-19” ให้หยุดการชุมนุมโดยปริยาย ทว่าการชุมนุมของขบวนการนักศึกษา ก็ come back
เพียงแต่ การชุมนุมครั้งใหม่ไม่ใช่จำกัดขอบเขตอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย หากกลายมาเป็นชุมนุมใหญ่ขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เต็มเป็นรูปแบบ – อ่านเพิ่มเติม