News
แม่เฒ่าวัย 84 ปี แจ้งความจับลูกสาวขโมยเงิน 2.5 ล้าน
(CTN News) – แม่วัย 84 ปี แจ้งความร้องทุกข์ลูกสาวตัวเองขโมยเงินในบัญชีไป 2.5 ล้านบาท การทรยศที่น่าตกใจนี้ไม่เพียงสร้างความทุกข์ทางการเงินเท่านั้น แต่ยังทำลายสายสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกสาวคนโตของเธอ ซึ่งตอนนี้เธอถูกมองว่าเป็นหัวขโมย
ผู้เสียหายชื่อเล็ก เปิดเผยเรื่องราวสุดสะเทือนใจต่อสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรตาคลี เล็ก คุณแม่ลูก 5 ชี้นิ้วไปที่ ณัชชา ลูกสาววัย 60 ปี ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการกระทำหลอกลวงนี้ ความไว้ใจของเล็กที่มีต่อณัชชาถูกทำลายลงอย่างไม่สามารถแก้ไขได้ ทำให้เธอปฏิเสธเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง
เล็กซึ่งไม่รู้หนังสือต้องอาศัยความช่วยเหลือจากณัชชาในการทำธุรกรรมเกี่ยวกับการโอนเงินของเธอจากธนาคารกรุงไทยไปยังธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ปีที่แล้ว เล็กไปธนาคารกรุงไทยเพื่อถอนเงินออมทั้งหมดของเธอ เธอตัดสินใจเก็บเงินสดไว้ 300,000 บาท และฝากอีก 1.5 ล้านบาทที่เหลือไว้ในบัญชี ธ.ก.ส. ทำให้มียอดคงเหลือ 2.5 ล้านบาท
วันต่อมา ณัชชาพาเล็กไปวัดต่างๆ แถวบ้านที่ จ.นครสวรรค์ เพื่อทำบุญ ก่อนจะพาไปส่งที่บ้านหลานสาวที่ จ.ลำพูน ซึ่งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย แต่น่าเสียดายที่เล็กพบว่าตัวเองถูกทิ้งให้อยู่ที่บ้านของหลานสาว ปล่อยให้ต้องทนอยู่กับการพลัดพรากจากบ้านและคนที่เธอรักเป็นเวลาหลายเดือน
เล็กอยากกลับไปนครสวรรค์มากขึ้นเรื่อยๆ เล็กขอร้องให้ณัชชาและหลานสาวช่วย เธอใช้วิธีก้มหัวลงต่อหน้าพวกเขา ร้องขอความเห็นอกเห็นใจและความเข้าใจของพวกเขา อย่างไรก็ตาม คำอ้อนวอนของเธอกลับฟังดูหูหนวก ทำให้เธอรู้สึกหมดหนทางอย่างที่สุด
ในที่สุดวันที่ 25 มิถุนายน ณัชชาก็ตกลงรับเล็กกลับนครสวรรค์ แต่ทันทีที่ไปถึงบ้านของเล็ก ณัชชาก็รีบยึดเอกสารสำคัญทั้งหมดของแม่และโทรศัพท์มือถือของเธอ สิ่งนี้สร้างความสงสัยและความกังวลลึกๆ ในตัวเล็ก ทำให้เธอต้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน ด้วยการสนับสนุนจากเพื่อนบ้านของเธอ เล็กสามารถต่ออายุบัตรประจำตัวประชาชนได้ และพวกเขาได้ไปเยี่ยมธนาคาร ธ.ก.ส. เพื่อสอบถามเกี่ยวกับการออมเงินของเธอ
เล็กตกใจมากเมื่อพบว่าเงินที่หามาได้หายไปหมด พนักงานธนาคารแจ้งว่าเงินของเธอถูกโอนเข้าบัญชีธนาคารของณัชชาโดยใช้แอพพลิเคชั่นบนมือถือ นอกจากนี้บัญชีของเล็กยังถูกปิดอย่างถาวรตั้งแต่วันที่ 3 มกราคมของปีนั้น จากการเปิดเผยที่น่าสลดใจเหล่านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรตาคลีให้คำมั่นกับเล็กว่าจะเรียกตัวณัชชามาสอบปากคำ โดยรวบรวมหลักฐานที่จำเป็นอย่างขยันขันแข็งเพื่อให้ได้รับความยุติธรรม
น่าเศร้าที่กรณีสะเทือนใจนี้ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างโดดเดี่ยว ผู้หญิงอีกคนในประเทศไทยต้องโทษจำคุก 20 ปี ฐานขโมยเงินกว่า 250 ล้านบาทจากแม่ที่ป่วยและล้มหมอนนอนเสื่อ ใช้ประโยชน์จากความเปราะบางของแม่ของเธอ เธอได้รับลายนิ้วมือของเธอและดำเนินการถอนเงินจำนวนมหาศาลจากบัญชีธนาคารของแม่ของเธอ
กรณีที่น่าวิตกเหล่านี้เป็นเครื่องเตือนใจที่ทรงพลังถึงความสำคัญของความไว้วางใจ ความเห็นอกเห็นใจ และการรักษาคุณค่าทางจริยธรรมที่เข้มแข็งภายในครอบครัว ผลที่ตามมาของการทรยศต่อความไว้วางใจของคนที่คุณรักสามารถทำลายล้างได้ ไม่เพียงทำให้เกิดการสูญเสียทางการเงินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเสียหายทางอารมณ์ที่แก้ไขไม่ได้ด้วย
จำเป็นอย่างยิ่งที่สังคมจะต้องประณามการกระทำดังกล่าวและรับประกันว่าความยุติธรรมจะมีชัยเหนือ และให้ความคุ้มครองผู้ที่เสี่ยงต่อการถูกเอารัดเอาเปรียบและการทรยศหักหลัง โปรดทราบว่าเหตุการณ์ที่อธิบายในบทความนี้อิงจากเหตุการณ์จริงและใช้เป็นเรื่องราวเตือนใจไม่ให้กระทำการทรยศดังกล่าว
Related CTN News: