Health
โควิด-19-การระบาดในเมียนมาขยับประชิดชายแดน ประเทศไทยพร้อมแค่ไหน
สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศเพื่อนบ้านเมียนมา เป็นความเสี่ยงล่าสุดที่ไทยต้องเฝ้าระวังแนวพรมแดนเพื่อสกัดไม่ให้การระบาดเข้ามาในประเทศ ภายหลังกรมควบคุมโรคประเมินเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า อีกประมาณ 2 สัปดาห์ คาดการณ์ว่าการระบาดที่อยู่ทางตอนกลางของเมียนมาจะขยายพื้นที่มาถึงชายแดน
ตลอดแนวชายแดนทางบกไทย-เมียนมา กว่า 2,400 กม. มีจุดผ่านแดนถาวร จุดผ่อนปรน และจุดผ่านแดนชั่วคราวรวมแล้วอย่างน้อย 20 แห่ง ใน 7 จังหวัด แต่พื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เน้นย้ำคือ จ.ตาก เนื่องจากเป็นจุดที่แรงงานจากเมียนมาเข้าออกจำนวนมากที่สุด ประกอบกับมีแนวชายแดนยาวกว่า 540 กม.
ความคืบหน้าล่าสุด สธ. ได้ดำเนินการตรวจหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในพื้นที่ตะเข็บชายแดน จ.ตาก ระหว่างวันที่ 8-9 ก.ย. แล้ว 2,635 ราย เป็นคนไทย 1,641 ราย ต่างชาติ 994 ราย
ขณะที่วันนี้ (10 ก.ย.) ทางการเมียนมารายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในวันเดียว 120 ราย และมีการล็อกดาวน์ไม่ให้ประชาชนออกจากบ้านในหลายเมือง บีบีซีแผนกภาษาพม่ารายงานว่า ขณะนี้นครย่างกุ้งได้กลายเป็นพื้นที่การระบาดแห่งใหม่ ขณะที่ในเมืองเมียวดี ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ อ.แม่สอด จ.ตาก มีผู้ติดเชื้อ 2 ราย
นพ.จรัญ จันทมัตตุการ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตาก ให้ข้อมูลกับบีบีซีไทยว่า การเก็บตัวอย่างคัดกรองเพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเน้นกลุ่มเป้าหมายประชาชนที่เป็นอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และอาสาสมัครสาธารณสุขประชากรต่างด้าว (อสต.) ที่สัมผัสคลุกคลีกับแรงงานข้ามชาติ กลุ่มแรงงานข้ามชาติที่อยู่ตามแนวชายแดนฝั่งไทย และกลุ่มผู้ต้องขังรายใหม่ในเรือนจำ
ทั้งนี้ ได้ตั้งเป้าการตรวจคัดกรองให้ได้ประมาณ 10,000 คน นอกจากนี้มีผู้เข้ากักตัวในสถานที่กักตัวของท้องถิ่นจำนวน 18 ราย
“เราค้นหาในคนที่มีความเสี่ยงสูงก่อน ถ้าคนเหล่านี้ไม่พบเชื้อ คนใน จ.ตาก ก็ค่อนข้างปลอดภัย” นายแพทย์ สสจ.ตาก กล่าว
ส่วนมาตรการการสกัดกั้นชายแดน วานนี้ (9 ก.ย.) นายธนิตพล ไชยนันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงมาตรการคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.ตาก ว่าได้มีคำสั่งปิดด่านถาวร 2 ด่าน และด่านธรรมชาติ ให้หน่วยงานความมั่นคงและฝ่ายปกครองแต่ละพื้นที่ตรวจลาดตระเวนในช่องทางธรรมชาติตลอด 24 ชั่วโมง ให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลร่วมกับ อสม. และ อสต. ค้นหาแรงงานข้ามชาติที่ลักลอบผ่านช่องทางชายแดน
จากอินเดียถึงเมียนมา เหตุใดไทยถึงเสี่ยง
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค ระบุเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ถึงปัจจัยความเสี่ยงของการระบาดทั่วโลกว่ามีการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในประเทศอินเดีย ซึ่งมีการเพิ่มจำนวนของผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันมากที่สุดของโลก ส่งผลให้การแพร่ระบาดได้ลามเข้าสู่บังกลาเทศและเมียนมา
สัปดาห์นี้ อินเดียครองสถิติเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลกคือกว่า 4.2 ล้านราย
การระบาดในเมียนมารอบสอง แม้วิกฤตหนักในรัฐยะไข่ ทางตอนกลางของประเทศ แต่กระทรวงสาธารณสุขประเมินว่าอาจขยายมายังพื้นที่ชายแดนได้ในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์
สำหรับประเทศไทยซึ่งมีหลายจังหวัดมีพรมแดนติดกับเมียนมา หน่วยงานด้านความมั่นคง ฝ่ายปกครอง และสาธารณสุขได้เข้มงวดมาตรการป้องกันโรคโควิด 19 ในผู้ที่เดินทาง และเพิ่มการเฝ้าระวังแรงงานที่ลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย
ด่านแม่สอด จุดใหญ่เข้าออกแรงงานเมียนมา
นพ.จรัญกล่าวกับบีบีซีไทยว่า ที่ จ.ตาก ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มาแล้วกว่า 170 วัน
เขากล่าวว่าตั้งแต่มีสถานการณ์โควิด-19 จ.ตาก ตื่นตัวตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น เพราะว่าเป็นพื้นที่ที่มีด่านที่เป็นท่าธรรมชาติ 50-60 ท่า สะพาน 2 แห่ง และสนามบินนานาชาติ อีกทั้งฝั่งตรงข้าม มีนิคมอุตสาหกรรมของคนจีนอยู่ 20,000 คน ทำให้มาตรการการป้องกันเมืองเข้มข้นกระทั่งตอนนี้ผ่านไป 5 เดือน จ.ตาก ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่
นายแพทย์ สสจ. ตาก ยอมรับว่า สถานการณ์ในเมียนมาที่มีการระบาดรอบสองกระจายทั่วประเทศ ทำให้ต้องทวีความเข้มข้นของมาตรการขึ้นอีกขั้น
นพ.จรัญเล่าถึงกลุ่มเสี่ยงที่ลักลอบข้ามแดนมาฝั่งไทยซึ่งได้สอบถามในเรือนจำว่า บางส่วนเป็นคนจีน พวกเขาบอกว่า ฝั่งเมียนมาไม่มีงานทำจึงหนีข้ามมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จับกุมและให้คัดกรองตรวจหาเชื้อตามขั้นตอน
“ด่านแม่สอด คนออกตอนเดือน มี.ค. 40,000-50,000 คน ถ้าเขาไปอยู่ฝั่งโน้นไม่มีอะไรกิน ไม่มีงานทำ รายได้ เขาก็ต้องกลับประเทศไทย ที่สำคัญคือ ฝั่งไทยปลอดภัย เขาคิดว่าปลอดภัยยังไงก็หนีกลับ”
งานหนักของบุคลากรสาธารณสุขชายแดน
โรงพยาบาลอำเภอในเขตชายแดน 5 แห่ง ของ จ.ตาก ได้แก่ ท่าสองยาง แม่ระมาด แม่สอด พบพระ และ อุ้มผาง ไม่เพียงให้บริการแก่คนไทยเท่านั้น แต่ให้บริการสุขภาพแก่ประชาชนจากประเทศเพื่อนบ้านด้วย
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตากบอกว่าโรงพยาบาลในจุังหวัดดูแลคนไทย 7 แสนคน และคนต่างชาติอีกราว 2-3 แสนคน เท่ากับว่าภาระงานมีมากขึ้นเกือบสองเท่า ยิ่งในช่วงที่ต้องเจอภัยคุกคามโรคระบาดจากประเทศเพื่อนบ้าน บุคลากรและโรงพยาบาลในจังหวัดยิ่งมีภาระงานที่หนัก
“เรามีหน้าที่ที่ต้องป้องกันเมืองหลวงหรือเมืองชั้นกลางของประเทศไว้ให้ได้ ถ้าทัพหน้าแข็งแรง ทัพหลวงก็อุ่นใจ”
หนึ่งในเสียงสะท้อนจากแพทย์ชายแดน ยังถูกเล่าลงเพจเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า “เรื่องเล่าหมอชายแดน” บอกเล่าการทำงานในช่วงที่ต้องรับมือภาวะความเสี่ยงนี้ด้วยความตึงเครียด ในขณะที่ทรัพยากรทางการแพทย์ถูกใช้ไปในการระบาดรอบแรกจนแทบไม่เหลือ
” …ในขณะที่เรามีหน้าที่เป็นปราการป้องกันโรคแต่เราก็จะไม่ทำให้เกิดวิกฤตทางมนุษยธรรม บางครั้งมีคนไข้อาการปางตายด้วยโรคอื่นหลุดข้ามมา เช่น หญิงตั้งครรภ์คลอดลูกติด เราก็รับเพราะมันเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่ก็ต้องมีแนวทางคัดกรองและแยกกักกันโรคอย่างดีที่สุด” พญ.ณัฐกานต์ ชื่นชม อายุรแพทย์โรงพยาบาลแม่สอด เขียนลงบนเพจ
ประสบการณ์ของหมอชายแดนที่รับมือกับประชาชนข้ามแดนในระยะนี้ ยังทำให้เห็นถึงเงื่อนไขทางเศรษฐกิจที่ทำให้ชาวเมียนมาเสี่ยงข้ามแดนเข้ามายังประเทศไทย
“กลางดึกคืนหนึ่งเจ้าหน้าที่จับแรงงานต่างชาติได้ 10 คนตรวจพบว่ามีไข้ 2 คนต้องนำมาตรวจคัดกรองที่โรงพยาบาล ฝ่ายสาธารณสุขก็ต้องคัดกรองจนมั่นใจว่าจะไม่มีโรค ฝ่ายความมั่นคงก็ต้องกักกัน ดำเนินคดีตามกฎหมาย ฉันถามแรงงานเหล่านั้น เขาบอกว่าที่เมียนมาแร้นแค้นมากไม่มีงานทำ ไม่มีบ้านอยู่ ก็เลยอยากมาหางานทำเพราะก่อนหน้าเคยทำงานที่เมืองไทยอยู่แล้ว พวกเขาไม่รู้ว่าเคร่งครัดเพราะนายหน้าบอกว่ามาง่าย ๆ ไม่มีการจับกุม เขาก็ไม่ได้ติดตามข่าวสารของเมืองไทย เขาลอยคอมาตามแม่น้ำเมยพอขึ้นฝั่งก็ถูกเจ้าหน้าที่จับ ตอนนี้ยังติดต่อนายหน้าไม่ได้เลย เงินก็จ่ายไปแล้วหมื่นห้า ฉันถามว่าไม่กลัวถูกหลอกเหรอ เขาว่าก็ต้องเสี่ยงดู นี่ก็เงินก้อนสุดท้ายแล้ว..ในเรื่องที่ผิดกฎหมาย มันก็มีความน่าเอ็นดูซ่อนอยู่”
ฝ่ายปกครองด่านหน้าที่มีอาวุธป้องกันโรคแค่ “หน้ากากผ้า”
เป็นเวลากว่า 4 เดือนที่อาสาสมัครชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ใน อ.แม่สอด ทำหน้าที่เฝ้าระวังแนวหมู่บ้านชายแดน นับตั้งแต่เริ่มมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในไทยและฝั่งเมียนมา
เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองระดับหมู่บ้านคนหนึ่งบอกกับบีบีซีไทยว่า หมู่บ้านใช้จัดทีมอาสาสมัครคนหมู่บ้านละ 20-30 คน ผลัดเปลี่ยนเวรยามอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ด้วยกำลังคนและพื้นที่ที่เป็นป่า ไม่อาจรับประกันได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะป้องกันกลุ่มลักลอบเข้าเมืองได้ทั้งหมด
“ถ้าคนที่ติดเชื้อเข้ามาได้ เรากลัวว่าจะมีการปิดเมือง” เขากล่าว
ครั้งล่าสุดที่ชุดฝ่ายปกครอง ต.ท่าสายลวด สกัดแรงงานจากเพื่อนบ้านเข้ามาได้เกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางเดือน ส.ค. พวกเขาพบกลุ่มแรงงานลักลอบเข้าเมืองจากเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ฝั่งตรงข้าม อ.แม่สอด ข้ามมาทางแม่น้ำจำนวน 8 คน ในกลุ่มนี้มีผู้มีไข้สูง 2 คน จึงส่งตัวตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาล แต่ผลออกมาไม่พบว่าติดเชื้อ
เมื่อถามว่าอาสาสมัครมีอุปกรณ์ป้องกันโรคอะไรใช้งานบ้าง เจ้าหน้าที่รายนี้บอกว่าพวกเขาใช้หน้ากากผ้าเพียงอย่างเดียว แม้ยอมรับว่า “ความเสี่ยงมากกว่าเมื่อก่อนเยอะ” แต่ในภาพรวมแล้วชาวบ้านในพื้นที่ไม่ได้ตื่นตระหนก ทว่าใช้ชีวิตประจำวันด้วยความระมัดระวังมากขึ้น
“ถ้ามีคนแปลกหน้าเข้ามาหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. ก็เข้าไปตรวจสอบ ”
อ.แม่สาย จ.เชียงราย
ที่จุดผ่อนปรน ท่าบ้านปางห้า ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งฝั่งตรงข้ามเป็นเมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉานของเมียนมา ถูกปิดถาวร มีทหารกองกำลังผาเมือง ลาดตระเวนตลอด 24 ชั่วโมง
นายทองสุข ใจภิภักดิ์ นายก อบต.เกาะช้าง กล่าวกับบีบีซีไทยว่า เดิมที่การสัญจรของชาวบ้านฝั่งไทยและเมียนมาเป็นการไปมาหาสู่แบบพี่น้องเครือญาติ และการเข้ามาเป็นแรงงานในภาคการเกษตรซึ่งมีค่าแรงถูกกว่าแรงงานไทย เฉลี่ยมีการเข้ามายังฝั่งไทยวันละ 200 คน แต่ตอนนี้มีการปิดจุดผ่อนปรนอย่างเด็ดขาด ยกเลิกเรือโดยสารข้ามฝั่ง ยกเว้นเรื่องมนุษยธรรม เช่น การส่งมอบยาเวชภัณฑ์ ที่ยังมีความจำเป็น
“ตอนนี้ปิดอย่างสิ้นเชิง เรือคว่ำเลย ไม่ให้เอามาลอยเลย เพราะทหารถือเรื่องนี้เด็ดขาด” นายก อบต.เกาะช้างกล่าว
เขาระบุว่าในภาพรวมในจุดผ่อนบริเวณนี้ แทบไม่มีผู้ลักลอบเข้ามา เพราะเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงลาดตระเวนอย่างเข้มงวด และมีการกำชับไปสู่ระดับผู้นำหมู่บ้านให้เข้มงวดตรวจตราอย่างละเอียด – BBC