Lifestyles - ไลฟ์สไตล์

8 เคล็ดลับฝึกตัวเองออกกำลังกายจนติดเป็นนิสัย

Published

on

ออกกำลังกาย

เชื่อว่าใครๆ ก็รู้ว่าการออกกำลังกายนั้นดีต่อร่างกาย ถือเป็นพฤติกรรมเชิงบวกที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ หลายๆ คนจึงอยากจะเริ่มออกกำลังกายอย่างจริงจัง

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอยากลดน้ำหนัก อยากผอม อยากแข็งแรง อยากสุขภาพดี ถึงอย่างนั้นแค่คิดในหัวก็ดูง่าย แต่พอจะทำจริงๆ ปัญหาที่คนส่วนใหญ่มีเหมือนกันก็คือการบังคับตัวเองให้ลุกขึ้นมาออกกำลังกายเป็นประจำเป็นเรื่องยาก

คนที่ลองแล้วพบว่าล้มเหลว อาจเป็นเพราะออกกำลังกายไม่สม่ำเสมอ ท้อแท้หมดกำลังใจไปก่อน หรืออาจมีเงื่อนไขหรืออุปสรรคในเรื่องต่างๆ

ที่คอยขัดขวางอยู่เสมอ ทำให้การออกกำลังกายที่เคยวางแผนไว้ไม่ดีเท่าที่ควร ส่วนหลายๆ คนก็ยังเริ่มต้นไม่ได้สักที เพราะฉันไม่แน่ใจว่าจะทำได้นานแค่ไหน นี่คือความยากของการออกกำลังกายที่หลายคนน่าจะเจอ

แต่นิสัยรักการออกกำลังกายไม่ได้ฝังแน่นมาตั้งแต่เกิด เป็นเรื่องที่เราต้องค่อยๆทำ สร้างมันด้วยตัวคุณเอง Tonkit360 มี 8 เคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณเปลี่ยนการออกกำลังกายให้เป็นนิสัย เราอาจจะกลายเป็นคนที่รักการออกกำลังกายไปซะหมด และทำอย่างต่อเนื่องจนติดเป็นนิสัยในไม่ช้า.

  1. จิตใจที่ต้องมีวินัยในตัวเอง

ก่อนอื่น ต้องเริ่มต้นหาวินัยในตัวเองก่อน เพราะการจะพัฒนาการออกกำลังกายให้กลายเป็นนิสัย ไม่มีใครสามารถบังคับเราได้ มันอยู่ที่ความตั้งใจของเราเองล้วนๆ เลย แต่แค่ความตั้งใจมันไม่มากพอที่จะส่งเราไปถึงเป้าหมาย เราต้องมีวินัยที่จะควบคุม บังคับ รับผิดชอบตัวเองให้อยู่ในทิศทางที่จะมุ่งหน้าหาเป้าหมาย หากไม่มีก็ไม่มีทางทำอะไรสำเร็จได้หรอก ตกม้าตายตั้งแต่เริ่มต้นด้วยซ้ำ ทั้งนี้ต้องรู้ว่าอะไรจะต้องเข้มงวดและอะไรควรจะยืดหยุ่น

  1. กำหนดวันเวลาที่แน่นอน แล้วตั้งเตือนไว้ให้เหมือนนาฬิกาปลุก

การจะพัฒนาให้การออกกำลังกายกลายเป็นนิสัย เราก็ต้องสร้างให้มันเป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรที่ต้องทำทุกวัน อาจกำหนดให้การออกกำลังกายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน แทรกช่วงเวลาที่ต้องออกกำลังกายเข้ามาเป็นหนึ่งในกิจวัตรประจำวัน แล้วตั้งแจ้งเตือนไว้ให้เหมือนกับนาฬิกาปลุกที่ปลุกเราตื่นนอน การที่เรากำหนดเวลาที่แน่ชัดไปเลยว่าต้องไปออกกำลังกายนะ จะช่วยให้เราทำตามลิสต์รายการสิ่งที่ต้องทำประจำวันได้ง่ายขึ้น งอแงน้อยลง

  1. มีเป้าหมายที่แน่ชัดและมีรางวัลจูงใจให้ตัวเอง

คนส่วนใหญ่ชอบตั้งเป้าหมายไว้สูงเกินไป เพราะไม่ประเมินตนเองก่อน เข้าใจได้ว่าต้องการแพชชันแรงๆ เพื่อที่จะได้ใช้ขับเคลื่อน แต่ก็อยู่บนเงื่อนไขว่าต้องเหมาะสมกับตนเอง โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้น อย่าเพิ่งตั้งเป้าหมายสูงเกินเอื้อม (ให้มองเป็นเป้าหมายที่ชัดเจน) การประสบความสำเร็จกับเป้าหมายเล็กๆ จะช่วยให้เรามีกำลังใจที่จะก้าวสู่เป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และควรมีสินบนให้กับตัวเองเพื่อจูงใจด้วย มันจะน่าเบื่อน้อยลง ดูน่าสนุก และท้าทายมากขึ้น

  1. ค่อยๆ เพิ่มความหนัก

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เพิ่งเริ่มต้น ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อนเลย อย่าเพิ่งหักดิบตัวเอง หักโหมออกกำลังอย่างหนักหน่วงในช่วงแรก เพราะมีโอกาสสูงที่จะทำให้รู้สึกท้อจนล้มเลิกความตั้งใจไปเสียก่อน ให้ใช้วิธีค่อยๆ เพิ่มความหนักและความนานเข้าไปทีละน้อยจะทนได้ดีกว่า หลังผ่านช่วงเวลาหนึ่งๆ ไปแล้ว เมื่อปรับตัวได้แล้วก็ค่อยๆ เพิ่มเข้าไป ออกหนักขึ้น ใช้เวลานานขึ้น ซึ่งมีข้อดี ตรงที่เราได้ทำมันอย่างสม่ำเสมอนั่นเอง

  1. ทำให้สม่ำเสมอ

ความต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เป็นหัวใจของการทำบางอย่างจนเคยชินและกลายเป็นนิสัยในที่สุด ฉะนั้น ถ้าเราอยากให้การออกกำลังกายของเรากลายเป็นนิสัยที่เราต้องทำทุกวัน เราต้องเริ่มจากการทำมันซ้ำๆ จนกว่าจะกลายเป็นความเคยชิน แล้วติดเป็นนิสัย ไม่ใช่ทำแบบผลุบๆ โผล่ๆ อยากทำก็ทำ ขี้เกียจก็ไม่ทำ เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับวินัยของแต่ละคนว่าบังคับและรับผิดชอบตัวเองได้ดีแค่ไหน ถ้าถามว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน บอกเลย 2 เดือนเป็นอย่างต่ำ

  1. หารูปแบบการออกกำลังกายที่ชอบจริงๆ

อะไรก็ตามที่ต้องฝืนใจทำ เราอดทนทำได้ไม่นานหรอกเดี๋ยวก็เบื่อ หมดแพชชัน สุดท้ายก็จะเลิกไป เพราะมันไม่สนุกแถมรู้สึกทรมานอีกต่างหาก ดังนั้น ให้เริ่มตั้งเป้าการออกกำลังกายจากสิ่งที่เราชอบหรือสนุกจะดีที่สุด หาว่ารูปแบบการออกกำลังกายที่ตัวเองชอบ ถนัด หรือรู้สึกว่าอยู่กับมันได้นานๆ คืออะไร แล้วไปเลือกออกกำลังกายประเภทนั้น เชื่อได้เลยว่าเราจะเพลิดเพลินกับการออกกำลังกายจนลืมสนใจเวลาเลยล่ะ

  1. เลิกลีลา หยุดรีรอ ทำทันที

ถ้ามีเป้าหมายแน่วแน่ชัดเจน ให้ลงมือทำทันที เลิกลีลารีรอหรือเอาแต่ผัดวันประกันพรุ่ง หลายคนชอบรอเริ่มต้นทำอะไรแบบนี้ในช่วงโอกาสสำคัญๆ พอถึงช่วงเวลานั้นจริงๆ ไฟที่เคยแรงก็มอดลงเกือบหมดแล้ว ความตั้งใจที่เคยมั่นใจมากๆ ก็หายไปกว่าครึ่ง กว่าจะจูนตัวเองให้กลับมาจริงจังได้ใหม่ก็เสียเวลากระตุ้นตัวเองอีก การออกกำลังกายถ้าอยากทำก็ทำเลยไม่ต้องรอโอกาสหรือฤกษ์งามยามดีอะไร คิดเสียว่าเริ่มเร็วโอกาสเข้าใกล้เป้าหมายก็เร็วตาม

  1. จดบันทึกการทำกิจกรรมและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

เพราะการจดบันทึกการทำกิจกรรมที่เราทำ ช่วยให้เราเห็นพัฒนาการ ความคืบหน้า และความเปลี่ยนแปลง ทั้งยังเห็นถึงความสามารถและความตั้งใจของตนเองได้อย่างชัดเจน เมื่อถึงจุดหนึ่ง จะได้ท้าทายตัวเองให้สูงขึ้นไปอีก แล้วดูว่าจะสามารถทำได้ดีกว่าเดิมแค่ไหน กิจกรรมและความคืบหน้าที่เราบันทึกไว้อย่างเป็นรูปธรรม จะเป็นแรงผลักดันให้เราเดินหน้าต่ออย่างตั้งใจ เราจะออกกำลังกายได้มากขึ้น อยากทำต่อเนื่องไปเรื่อยๆ และรู้สึกกระตือรือร้นที่ได้ออกแรง

Related CTN News:

Justin Bieber ชีวประวัติ ไลฟ์สไตล์ – Wikipedia

Trending

Exit mobile version