News
เหตุการณ์ใช้ปืนเขย่าขวัญที่พัทยา: การสวมบทบาทที่ถูกกล่าวหากลายเป็นความรุนแรง
(CTN News) – เกิดเหตุสะเทือนขวัญที่จุดชมวิว วอยซ์ ออฟ นาวี 5 ในเมืองพัทยา ประเทศไทย เมื่อชายชาวต่างชาติซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นสมาชิกของกลุ่มมาเฟีย ถูกจับได้ในวิดีโอที่คุกคามชายชาวเอเชียกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าเป็นนักท่องเที่ยวชาวคูเวต โดยใช้จ่อปาก
ภาพที่สร้างความสะเทือนใจซึ่งมีความยาว 1.39 นาที แสดงให้เห็นชายติดอาวุธในชุดสีดำล้วนข่มขู่ชาวต่างชาติ แม้กระทั่งจ่อปืนไปที่ศีรษะของเหยื่อรายใดรายหนึ่งโดยตรง เหตุการณ์ดังกล่าวซึ่งบันทึกโดยพยานชาวไทยผู้กล้าหาญได้สร้างความตื่นตระหนกและวิตกกังวลในหมู่สาธารณชน
พยานพยายามเรียกร้องความยุติธรรมให้กับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในที่สาธารณะอย่างรอบคอบ ทิ้งให้ผู้ที่ยืนดูหวาดกลัว อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าผู้ที่ตกเป็นเหยื่อไม่สามารถแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจได้ ทำให้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องดำเนินการกับพฤติกรรมรุนแรงดังกล่าวมากยิ่งขึ้น เนื่องจากอาจทำให้เมืองพัทยาเสื่อมเสียชื่อเสียงได้
กิจกรรมของมาเฟียต่างชาติในประเทศไทยเป็นประเด็นที่สื่อสังคมให้ความสนใจ โดยเฉพาะหลังจากการเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจของ Hans Peter Mack นักธุรกิจชาวเยอรมัน หนึ่งในสมาชิกแก๊งที่มีชื่อเสียง Olaf Thorsten Brinkmann ชายชาวเยอรมัน กล่าวกันว่ามีอิทธิพลอย่างมากในแวดวงมาเฟียในพัทยา
เขาถูกกล่าวหาว่าเรียกร้องผลประโยชน์จำนวนมากจากธุรกิจที่ดำเนินกิจการในเมือง และผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามอาจได้รับผลร้ายแรง ตำรวจไทยติดตามจับกุมกลุ่มอาชญากรเหล่านี้อย่างแข็งขัน
ในกรณีก่อนหน้านี้ กลุ่มอันธพาลต่างชาติ เช่น แฮร์วี คริสเตียน โรเบิร์ต เลียวนาร์ด อันธพาลชาวฝรั่งเศส ถูกจับในข้อหารีดไถเงินจากชาวต่างชาติ โดยอ้างความเชื่อมโยงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยที่มีชื่อเสียงระดับสูง ในทำนองเดียวกัน ชายชาวออสเตรเลียชื่อ Tomas Jinner และสมาชิกแก๊งของเขาถูกจับที่ชลบุรีในข้อหารีดไถเงินจากนักธุรกิจชาวยุโรปที่เพิ่งก่อตั้งธุรกิจในพัทยา
ในเหตุการณ์ที่พัทยาเมื่อเร็วๆ นี้ ตำรวจได้จับกุมชายชาวพม่า 2 คน ซึ่งระบุว่าชื่อแก้ว ชอ และซีน ซึ่งจัดฉากการคุกคามเนื้อหาออนไลน์ พวกเขาอ้างว่าเป็นเพียงการสวมบทบาทเพื่อตอบสนองคำขอของนักท่องเที่ยวชาวคูเวตในการสร้างเนื้อหาสำหรับบัญชีโซเชียลมีเดียของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ตำรวจถือว่าการกระทำของพวกเขาเป็นการละเมิดกฎหมายไทย โดยตั้งข้อหาว่าพวกเขาเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จที่ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่สาธารณชน เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเครื่องเตือนใจถึงความจำเป็นในการสร้างเนื้อหาที่มีความรับผิดชอบและผลที่ตามมาจากวิดีโอที่ทำให้เข้าใจผิดซึ่งอาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของจุดหมายปลายทาง
ทางการยังเตือนผู้สร้างเนื้อหารายอื่นและผู้ใช้ YouTube ให้ระมัดระวังเกี่ยวกับการผลิตเนื้อหาดังกล่าวในประเทศไทย โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเคารพชื่อเสียงของประเทศและส่งเสริมประสบการณ์ที่ปลอดภัยและดีสำหรับนักท่องเที่ยว
Related CTN News: