Featured
หลอดไฟ LED สำหรับบ้านควรใช้กี่วัตต์?
หลอดไฟ led
หลอดไฟ led: ตั้งแต่การประดิษฐ์แคมป์ไฟครั้งแรก นวัตกรรมแสงสว่างถูกนำมาใช้เป็นเวลาหลายล้านปี มีวิวัฒนาการเรื่อยมา จากกองไฟ เป็นคบเพลิง ตะเกียง และหลอดไฟ เพราะเราทุกคนได้รับประโยชน์จากพรแห่งแสงสว่างในชีวิตประจำวันของเรา
หลอดไส้เป็นอุปกรณ์ส่องสว่างที่เราใช้กันในปัจจุบัน ปัจจุบันมีหลอดไฟประเภทต่างๆ เพิ่มเติมมากมาย รวมถึงนวัตกรรมล่าสุดอย่างหลอดไฟ LED ปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างไม่น่าเชื่อ หลายคนที่คิดจะเริ่มใช้หรือเปลี่ยนหลอดไฟจากแบบเดิมเป็นหลอด LED อาจสงสัยว่าควรเลือกหลอด LED สำหรับบ้านกี่วัตต์
หรือควรคำนึงถึงอะไรบ้าง ในวันนี้ เราได้รวบรวมข้อมูลที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆทุกคน ถ้าพร้อมแล้วเราไปดูเรื่องการแก้ปัญหาดังกล่าวกันเลย
หลอดไฟ LED คืออะไร
ก่อนจะลงมือค้นหาว่าหลอดไฟ LED ในบ้านควรใช้กี่วัตต์ ก่อนอื่น เรามาเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับหลอดไฟ LED (Light Emitting Diode) เป็นหลอดไฟประเภทต่างๆ
ซึ่งแตกต่างจากหลอดไส้ทั่วไปตรงที่ใช้ไดโอดเปล่งแสงซึ่งเป็นสารกึ่งตัวนำเป็นแหล่งกำเนิดแสง ต่างจากหลอดไฟทั่วไปที่ใช้ก๊าซอัดความดันที่อยู่ในหลอด และหลอด LED มีข้อดีที่เหนือกว่าหลอดทั่วไปดังนี้ หลอดไฟ:
- ประหยัดไฟมากกว่า เมื่อนำหลอดไฟที่ให้ความสว่างเท่ากัน หลอดไฟ LED จะประหยัดไฟมากกว่าถึง 80-90%
- มีความทนทาน มีอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ 1 แสนชั่วโมง หรือประมาณ 11 ปี
- ปลอดภัยต่อสิ่งแวดแล้อม และไม่มีความอันตราย เนื่องจากไม่มีส่วนประกอบที่เป็นสารปรอท
- ชิ้นส่วนต่างๆมีความแข็งแรง ไม่มีส่วนประกอบที่เป็นกระจก และไส้หลอดที่อาจขาดได้
- มีอุณหภูมิที่ต่ำ คายความร้อนออกมาได้น้อย
ค่าต่างๆเกี่ยวกับหลอดไฟที่ควรรู้
หลอดไฟก็เหมือนกับสิ่งของอื่นๆ มีเอกลักษณ์หลายอย่าง ซึ่งการเข้าใจค่าต่างๆ เหล่านั้น จะทำให้เราสามารถเลือกและเข้าใจหลอดไฟแต่ละประเภทได้ดีขึ้น เราได้รวบรวมค่าต่างๆที่จำเป็นสำหรับหลอดไฟมาให้เพื่อนๆใช้เป็นข้อมูล ไปลองดูกัน
- ลูเมน (Lumen) : เป็นค่าความสว่างของหลอดไฟ ยิ่งมีค่ามากแสดงว่าหลอดไฟดวงนั้นให้ว่าสว่างมากนั้นเอง
- ลักซ์ (Lux) : เป็นค่าที่หมายถึงความเข้มของแสง ณ จุดหนึ่ง
- วัตต์ (Watt) : เป็นค่าที่แสดงถึงการบริโภคพลังงานของหลอดไฟ ดวงนั้นๆ
- เคลวิน (Kelvin) : เป็นค่าที่บอกอุณภูมิของแสง โดยที่ค่า Kelvin ที่มีค่าน้อยจะให้ไฟในโทนที่อบอุ่น และถ้ายิ่งมีค่ามากไฟก็จะมีโทนที่เย็นขึ้นเรื่อยๆ
หลอดไฟ LED ในบ้าน ควรใช้กี่วัตต์
เอาหล่ะครับ เมื่อทุกคนตกลงใจ ที่จะเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED ปัญหาต่อมาทีุ่กคนอาจเจอนั่นก็คือ แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าหลอดไฟ LED ในบ้าน ควรใช้กี่วัตต์ ซึ่งสิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจกันก่อน นั่นก็คือค่าความสว่างกับค่าวัตต์แปรผันตรงตามกัน หมายความว่าถ้าต้องการห้องที่มีแสงสว่างมากก็ต้องเลือกใช้ไฟที่มีวัตต์สูงนั่นเอง โดยที่เราอยากจะแนะนำให้เลือกตามการใช้งานในแต่ละที่ โดยอาจจะแบ่งเป็นห้องต่างๆ ซึ่งมีความต้องการความสว่างที่ต่างกันดังนี้
ห้องทำงาน
ห้องทำงานเป็นห้องที่ต้องใช้สมาธิ ใช้สายตาในการมองสิ่งต่างๆค่อนข้างสูง โดยถ้าเป็นห้องที่มีขนาด 20 ตารางเมตร อาจจะเลือกใช้หลอดไฟ LED 4-5วัตต์ 14 หลอด หรือจะขยับมาเป็น 7-7.5 วัตต์จำนวน 8 หลอด หรือจะว่าจะเป็นหลอดขนาดใหญ่อย่าง 9-9.5 วัตต์ จำนวน 6 หลอดก็ได้ โดยที่อาจจะหาโคมไฟตั้งโต๊ะมีเพิ่มความสว่างก็ได้
ห้องนั่งเล่น
เป็นอีกหนึ่งห้อง ที่เราต่างใช้เวลาส่วนหนึ่งในแต่ละวันไปกับห้องนี้ ไม่ว่าจะเป็นใช้ดูหนังฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือพักผ่อนหย่อยใจก็ตาม สำหรับห้องที่มีขนาด 20 ตารางเมตร สามารถเลือกใช้หลอดไฟ LED 4-5 วัตต์ จำนวน 10 หลอดหรือจะขยับมาเป็นขนาด 9-9.5 วัตต์ ประมาณ 4 หลอดก็ได้
ห้องนอน
เป็นห้องสำหรับการพักผ่อน ที่ไม่ต้องการความสว่างที่มาก โดยแสงสว่างที่มากไป อาจส่งผลต่อการหลับได้ด้วย ซึ่งถ้าเป็นห้องนอนขนาด 15-20 ตารางเมตรอาจเลือกใช้หลอดไฟ 4-5วัตต์ จำนวน 4 หลอด หรือว่าจะเป็นหลอดขนาด 7-9.5 วัตต์ จำนวน 2 หลอด ก็เพียงพอต่อการใช้งานในห้องนี้แล้ว
เลือกใช้แสงไฟในโทนสีต่างๆ
- สีเดย์ไลท์ (DayLight) : เป็นสีขาวอมฟ้า ที่มีค่าใกล้เคียงกับแสงจากธรรมชาติมากที่สุดมีอุณหภูมิแสงอยู่ที่ 4,500-6,000 Kelvin ซึ่งแสงแบบนี้จะให้ความรู้สึก Active เหมาะกับการใช้ในห้องทำงาน
- สีคูลไวท์ (Cool white) : ให้สีขาวสบายตา มีค่าอุณหภูมิสีอยู่ที่ 4,000 Kelvin
- สีวอร์มไวท์ (Warm white) : ให้สีโทนส้มดูอบอุ่น ให้อารมณ์ที่ผ่านคลาย เหมาะกับห้องนอนหรือห้องนั่งเล่น ที่ต้องการการพักผ่อน มีค่าอุณหภูมิสีอยู่ที่ 4,000 Kelvin
หวังว่ากระทู้นี้จะช่วยตอบคำถามว่าหลอดไฟ LED ในบ้านควรใช้ได้กี่วัตต์ เลือกจากการใช้งานว่าห้องไหนต้องการใช้ไฟหรือต้องการความสว่างมาก แล้วเลือกใช้ไฟ LED ที่มีกำลังวัตต์มาก ๆ เพราะการเลือกความสว่างที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ
มันจะช่วยให้เราใช้ประโยชน์จากพื้นที่ต่างๆ ได้ดีขึ้น เช่น ถ้าเราจัดไฟในห้องทำงาน หรือครัวไว้ทำงานหรือทำอาหารก็จะเสร็จไว สามารถมองเห็นสิ่งของต่างๆ ได้ชัดเจน ตรงกันข้าม หากเราจัดห้องนอนให้สว่างเกินไป ร่างกายของเราจะไม่รู้สึกสบายมากนัก
ดังนั้น จึงควรวางแผนการใช้หลอดไฟอย่างรอบคอบ เลือกได้ตามการใช้งาน นอกจากนี้ หลอดไฟยังได้พัฒนาให้สามารถเปลี่ยนเฉดสีได้หลากหลาย ถ้าเพื่อนๆ คนไหนสนใจหลอดไฟเหล่านี้ เชิญได้ที่ chiangraitimes.com เราสามารถเริ่มได้ทันทีเพราะเรามีตัวเลือกมากมาย
Related CTN News:
การโจมตีทางไซเบอร์ ทำให้รัฐบาลของประเทศออฟไลน์เป็นเวลาหนึ่งเดือน