รัฐบาลประกาศระงับเที่ยวบินเข้า-ออก 13 จังหวัดสีแดงเข้ม เริ่ม 21 ก.ค. นี้

“ศักดิ์สยาม” ระบุคมนาคมขานรับมาตรการแนวทางศบค.คุมเข้มการเดินทางพื้นที่ควบคุมสูงสุด 13 จังหวัด จำกัดจำนวนผู้โดยสารใช้บริการไม่เกินร้อยละ 50​ ขณะที่กพท.​ออก​ประกาศ​สั่งการงดบินเข้าออกรับผู้โดยสารในพื้นที่สีแดงเข้ม​ เริ่มวันที่ 21 ก.ค.นี้

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.กระทรวงคมนาคม กล่าวว่า สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เตรียมออกประกาศ กพท. เพื่อกำหนดมาตรการการขนส่งทางอากาศ ให้เป็นไปตามแนวทางของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.)​ และสอดคล้องข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 28)

โดยจะกำหนดห้ามมิให้สายการบินดำเนินการบินเข้า-ออก และรับ-ส่งผู้โดยสารในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด (สีแดงเข้ม) ตามที่ศบค.กำหนด เช่น ห้ามบินขึ้น-ลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง กทม.และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.นี้

ทั้งนี้ การออกประกาศดังกล่าว เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยจะยกเว้นการบินข้ามภูมิภาคนอกพื้นที่สีแดงเข้ม ที่ยังสามารถทำการบินได้ โดยในแต่ละเที่ยวบินนั้น จะต้องมีผู้โดยสารไม่เกินร้อยละ​ 50 ของความจุผู้โดยสาร รวมถึงยกเว้นการขนส่งสินค้า เที่ยวบินระหว่างประเทศโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ โครงการสมุยพลัส การลงจอดฉุกเฉิน การขนส่งผู้ป่วย และการขนส่งบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งจะต้องมีการทำเรื่องพิจารณาเป็นรายบุคคล ทั้งนี้ศบค.จะประเมินสถานการณ์มาตรการทุกๆ 7 วัน

รถสาธารณะลดผู้โดยสาร 50%

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า​ ได้สั่งการไปยังหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ให้ดำเนินการตามที่​ ศบค.กำหนด โดยเฉพาะในเรื่องของการขนส่งสาธารณะทุกประเภท ในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยจํากัดจํานวนผู้โดยสารที่ใช้บริการไม่เกินร้อยละ 50 ของความจุผู้โดยสาร สําหรับยานพาหนะแต่ละประเภท รวมทั้งจัดให้มีการเว้นระยะห่าง และการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด

โดยพิจารณาจัดการให้บริการขนส่งสาธารณะให้เพียงพอต่อความจําเป็น และตามเวลาที่เหมาะสมในการเดินทางของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การอํานวยความสะดวกการขนส่งประชาชนเพื่อรับบริการฉีดวัคซีน และบริการทางการแพทย์ ทั้งนี้ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.นี้

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า สั่งการให้พิจารณาการเรื่องความถี่ในการให้บริการ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วน เพื่อไม่ต้องเกิดความแออัด มาตรการเว้นระยะห่าง และขอความร่วมมือให้รถสาธารณะ มีการตรวจวัดอุณหภูมิอย่างเข้มงวด เพื่อลดการแพร่ระบาด