News
ความเป็นมาของประเพณีประดับไฟและตกแต่งต้นคริสต์มาส?
หน้าหนาวเข้ามาแบบนี้แล้ว “เทศกาลคริสต์มาส” คงเป็นอีกเทศกาลที่คนจำนวนไม่น้อยเฝ้ารอ ซึ่งสิ่งที่หลาย ๆ บ้านมักทำกันก็คือการประดับไฟและของตกแต่งต้นคริสต์มาส รวมถึงมีกิจกรรมต่าง ๆ สนุกสนานกันภายในครอบครัว ทว่าบางคนอาจจะเกิดข้อสงสัยถึงความเป็นมาของประเพณีประดับไฟและตกแต่งต้นคริสต์มาสที่เป็นอยู่ ทำไปทำไม เหตุผลคืออะไร มาศึกษาข้อมูลเหล่านี้ไปด้วยกันเลยดีกว่า
ทำไมการประดับไฟตกแต่งต้นคริสต์มาสต้องใช้ต้นสน?
ต้องอธิบายก่อนว่าต้นคริสต์มาสที่เห็นกันนี้คือ ต้นสน หรือ Evergreen ซึ่งเป็นไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบ ไม่เหมือนต้นไม้ทั่ว ๆ ไปที่อยู่ทางซีกโลกเหนือ มีการเติบโตเด่นตระหง่านยืนกิ่งก้านสีเขียวสดสวยงาม ทนทุกสภาพอากาศ มีให้เลือกกันหลายขนาด ที่นิยมใช้คือ สนสปรูซ, สนไพน์ และสนเฟอร์ ซึ่งสามารถนำไปตกแต่งที่สวนหน้าบ้าน หรือภายในบ้าน แสดงให้เห็นว่าเทศกาลครสิต์มาสกำลังมาเยือนแล้ว
โดยต้นสนจะมีลักษณะเป็นสามเหลี่ยมแผ่กิ่งก้าน เหมาะกับการตกแต่งประดับด้วยสิ่งของต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ลูกสน แอปเปิล ดวงดาว กล่องของขวัญจิ๋ว กระดิ่ง ระฆังทอง และไฟที่แวววาวสวยงาม ส่องประกายเป็นจังหวะเพิ่มความโดดเด่น
ต้นสนยังมีรูปทรงสามเหลี่ยม เหมาะกับตกแต่งด้วยกล่องของขวัญชิ้นเล็กชิ้นน้อย โดยการประดับไฟไว้ที่ต้นคริสต์มาสนั้นก็เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลที่จะต้องมีต้นสนน้อยใหญ่ หรือต้นจำลองตั้งเด่นในสถานที่ต่าง ๆ เป็นประเพณีที่สืบทอดต่อมาจนถึงปัจจุบัน
ความเป็นมาของประเพณีประดับไฟต้นคริสต์มาส
สัญลักษณ์ไฟที่ประดับตกแต่งต้นคริสต์มาสนั้นมีความเป็นมาหลากหลาย ซึ่งหลัก ๆ แล้วประเทศในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือต้องการสื่อให้เห็นถึงความสวยงาม ความคึกครื้น ผู้คนฝ่าลมหนาวออกมาชื่นชมต้นคริสต์มาสที่ประดับไฟสวยงาม ซึ่งจะจัดกันตั้งแต่เดือนธันวาคม – เดือนมกราคม เดินไปตามท้องถนนก็จะมีการประดับไฟต้นคริสต์มาสกันเต็มไปทั่ว ตัวอย่างเทศกาลน่าสนใจ เช่น
- เมืองเยอรมนีมีการจัดพาเหรดซานต้า – ซานตี้ แต่วตัวเป็นแฟนตาซีเดินตามท้องถนน
- ในลอนดอน ประเทศอังกฤษมีการตกแต่งไฟระยิบระยับที่สวนพฤกษศาสตร์คิว
- หรือในโซนเอเชียอย่าง เกาหลี ญี่ปุ่น แม้แต่ประเทศไทยเองก็มีสถานที่ที่ตกแต่งด้วยต้นสนจำลองประดับไฟระยิบระยับสวยงามเช่นกัน
การตกแต่งต้นคริสต์มาส แต่ละอย่างมีความหมายแฝงอยู่
ถามต่อไปอีกว่าที่ต้นคริสต์มาสที่มีสิ่งของนำมาตกแต่งนั้นมีความหมายอย่างไร?? ซึ่งทุกคนสามารถสังเกตเห็นได้แทบทุกต้นคริสต์มาส นอกจากไฟที่ระยิบระยับแล้ว ความหมายของสิ่งเหล่านั้น ได้แก่
1. ถุงเท้ายาว เพื่อเอาไว้หน้าเตาผิงหรือตกแต่งกับต้นคริสต์มาสขอของขวัญจากคนที่รัก
2. ดวงดาว ที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของการเสด็จลงมาประสูติของพระเยซูในการเป็นมนุษย์ หรือที่เรียกกันว่า Star of Bethlehem
3. กระดิ่งสีทอง ระฆัง เป็นการขับไล่สิ่งชั่วร้าย โดยที่สีทองคือความสว่างไสว เปรียบเสมือนพระอาทิตย์ ช่วยลดความมืดหม่น ปัจจุบันยังเป็นการประกาศให้รู้ถึงการเข้าสู่เทศกาลคริสต์มาส
4. ลูกกวาดที่มีลักษณะเป็นรูปไม้เท้าสีขาวสลับสีแดง สามารถให้ความหมายได้ว่า สีขาวคือ พระยซู และสีแดงคือ เลือดของพระเยซูที่ได้นำมาชำระบาปกับมวลมนุษย์ ช่วงปลายจะเป็นโค้งมนเหมือนไม้เท้าของคนเลี้ยงแกะ และกลับหัวได้ก็จะมีสัญลักษณ์ตัวอักษรรูป J ที่หมายถึงพระเจ้า หรือ Jesus
5. ใบมิสเซิลโท จะเป็นลักษณะไม้กาฝากที่ชอบขึ้นอยู่ตามต้นแอปเปิล หรือต้นโอ๊ก มีความเชื่อตามชาวยุโรปว่าเป็นสมุนไพรอย่างหนึ่งที่ช่วยแก้พิษได้ โดยทางวิทยาศาสตร์บอกว่าลูกสีขาว หรือสีแดงจะมีพิษ เด็ก ๆ ไม่เหมาะที่จะเข้าใกล้ผลสีขาว หรือใบสีเขียวเท่าไหร่นัก
การนำมาตกแต่งที่ต้นคริสต์มาสต์นั้นบ้างก็ร้อยเป็นพวงในลักษณะทรงกลม หมายถึงความไม่มีที่สิ้นสุด เรียกกันว่า Christmas Wreath โดยมักนำไปแขวนไว้ประตูหน้าบ้าน และมีธรรมเนียมที่บอกเล่าต่อกันอีกว่าหากชายใดได้จุมพิตหญิงที่ปรารถนามใต้ต้นมิสเซลโทนี้ ก็จะได้รับความรักที่เป็นนิรันดรไป แต่หากผู้หญิงไม่รับรัก ไม่จุมพิตด้วยก็จะไม่ได้ครองรักกันไปตลอดชีวิตแน่นอน จึงมีอีกประเพณีเกิดขึ้นก็คือการจูบกันที่ใต้ต้นมิสเซลโทเพื่อบ่งบอกถึงรักแท้ของคู่รัก
6. ใบและลูกของต้นฮอลลี่ มีการนำมาทำเป็นพวงมาลัยติดกับต้นคริสต์มาส หรือนำมาทำเป็นต้นคริสต์มาสด้วย ซึ่งลักษณะของลูกฮอลลี่จะมีสีเขียวสื่อถึงความรัก ความศรัทธาของทุกคนที่นับถือพระเยซู และลูกสีแดง มีพิษ เป็นสัญลักษณ์ที่บอกถึงเลือดพระเยซูหยดลงมาจากไม้กางเขน
7. นอกจากนี้ยังมีบรรดาริบบิ้น ถุงเท้า กล่องของขวัญ ตุ๊กตาซานตาคลอสเพิ่มเติมด้วย เหตุผลหลักเพื่อความสวยงาม เป็นเรื่องเล่าที่เด็ก ๆ ต่างเฝ้ารอให้มีชายแก่หนวดเคราขาวขี่กวางเรนเดียร์มาเอาของขวัญให้ ตื่นเต้นดีใจ ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขในช่วงสิ้นปีเตรียมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของชาวคริสต์ และผู้คนทั่วโลก
และทั้งหมดนี้ก็คือความเป็นมาของประเพณีประดับไฟต้นคริสต์มาส รวมถึงการตกแต่งต้นคริสต์มาสที่ได้มีมาให้หลาย ๆ คนได้ทำความเข้าใจ พร้อมเฉลิมฉลองกับเทศกาลความหมายดี ๆ พาให้เกิดความสุข สนุกสนาน รื่นเริงกันภายในครอบครัว กระชับความสัมพันธ์ได้อย่างดี