learning - การเรียนรู้
กว่าจะมาเป็นบุหรี่ไฟฟ้า ประวัติที่สิงห์อมควันต้องรู้
- บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร?
เดี๋ยวนี้เวลาไปไหน เราก็มักจะเห็นควันสีขาว ๆ ลอยมาตามอากาศ หากเป็นในอดีตเราก็คงจะคิดว่าเป็นควันบุหรี่ที่มีกลิ่นเหม็นฉุนติดเนื้อติดตัว ไม่อยากเข้าไปใกล้ แต่เดี๋ยวนี้กลับเป็นควันที่มีกลิ่นหอมบ้างก็เป็นกลิ่นของผลไม้ ต่างก็เป็นกลิ่นวานิลลาหรือช็อกโกแลต ซึ่งเกมเหล่านี้ก็มาจาก “บุหรี่ไฟฟ้า” ที่มีลักษณะเป็นแท่งเหมือนปากกา บ้านก็มีลักษณะรูปร่างทรงสี่เหลี่ยม แตกต่างกันออกไปแล้วแต่รุ่นหรือว่าชนิดของมันนั่นเอง
บุหรี่ไฟฟ้าจริง ๆ แล้วก็มีหลักการสูบเหมือนกับบุหรี่ธรรมดา คือดูดเข้าไปลงปอดแล้วพ่นควันออกมา แต่พิเศษกว่านั้นก็คือบุหรี่ไฟฟ้าไม่เกิดการเผาไหม้ ไม่จำเป็นต้องใช้ยาสูบใส่เข้าไปข้างใน แต่ในทางตรงกันข้ามจะใช้ น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งในน้ำยาก็มีสารเคมีน้อยกว่าเมื่อเทียบกับยาสูบ บุหรี่ไฟฟ้าจึงเป็นทางเลือกของคนยุคใหม่ที่ต้องการเลิกดูดบุหรี่ ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดคุยกันเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าว่ามีที่มาอย่างไร มีหลักการทำงานอย่างไรบ้าง ความคิดของคนในยุคปัจจุบันเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าเป็นที่ยอมรับมากน้อยแค่ไหน
- บุหรี่ไฟฟ้าเกิดขึ้นได้อย่างไร ใครเป็นคนคิด?
บุหรี่ไฟฟ้า ถูกคิดขึ้นมาด้วยไอเดียที่ว่าต้องการให้จำนวนคนที่บริโภคยาสูบให้น้อยลงไป เราต่างรู้กันดีว่าในยาสูบนั้นมีสารเคมีมากมายหลังจากเกิดการเผาไหม้ ซึ่งคนคิดก็คือ Herbert A. Gilbert ชาวอเมริกันที่เป็นคนเริ่มต้นจดสิทธิบัตร บุหรี่ไฟฟ้าที่มีชื่อว่า “Smokeless non-tobacco cigarette” ขึ้นมาเป็นเจ้าแรก ในปี 2506 จนกระทั่งในปี 2546 บุหรี่ไฟฟ้าได้รับการผลิตขึ้นมาอีกครั้งโดยเภสัชกรชาวจีน Hon Lik ที่พ่อเสียชีวิตจากมะเร็งปอด ได้มีการประดิษฐ์บุหรี่ไฟฟ้าที่มีสารนิโคตินขึ้นมา เพื่อเป็นทางเลือกของผู้ที่ต้องการเลิกสูบบุหรี่ในประเทศจีน
ปัจจุบันนี้บุหรี่ไฟฟ้ามีให้เห็นทั่วไปแล้ว แม้แต่ในประเทศไทย เราจะสังเกตได้ว่าตั้งแต่กลุ่มวัยรุ่นไปจนถึงกลุ่มคนทำงานก็ต่างนิยมเลือกดูดบุหรี่ไฟฟ้ากันอย่างมากมาย สำหรับกฎหมายประเทศอื่น ๆ อนุญาตให้บุหรี่ไฟฟ้าสามารถขายได้ตามปกติ แต่ในประเทศไทยบุหรี่ไฟฟ้ายังไม่ได้เป็นที่ยอมรับเท่าไหร่มากนัก แต่ความต้องการในตลาดต้องยอมรับเลยว่า มีอยู่สูงมาก
กลไกการทำงานของบุหรี่ไฟฟ้า
ตามที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า บุหรี่ไฟฟ้า จะไม่เกิดการเผาไหม้ เราไม่จำเป็นต้องเอายาสูบใส่เข้าไปข้างใน แต่ในทางตรงกันข้ามในการสูบบุหรี่ไฟฟ้า นักสู้ทุกท่านจะต้องใช้ น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ใส่เข้าไปแทน
- น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร?
น้ำยาบุหรี่เทียบง่าย ๆ ก็เหมือนกับการเติมน้ำมันรถ หากคุณต้องการให้รถขับไปต่อก็ต้องมีการเติมน้ำมันเข้าไป เช่นเดียวกับการสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่คุณต้องการสารเคมีที่ใส่เข้าไปเพื่อให้เกิดควัน โดย น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า เป็นการสร้างขึ้นมาเพื่อเลียนแบบตัวยาสูบแต่มีสารเคมีน้อยกว่า ส่วนประกอบหลัก ๆ แล้วก็มีกลีเซอรีน พรีไพลีนไกรคอล และสารแต่งกลิ่น และรสชาติ
- ใส่น้ำยาเข้าไปแล้วกลายเป็นควันได้ยังไง?
ในบุหรี่ไฟฟ้าจะมีสำลีที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างน้ำยา และขดลวด เมื่อใดก็ตามที่คุณใส่น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเข้าไป ก็จะเกิดการดูดซึม และไหลผ่าน จนเกิดเป็นไอระเหยที่ทำให้สารนิโคตินถูกปล่อยออกไปจากการดูด ซึ่งกระบวนการนี้ไม่ใช่กระบวนการเผาไหม้ ไม่ก่อให้เกิดควัน ไม่ก่อให้เกิดขี้เถ้า เหมือนบุหรี่
ข้อดีข้อเสีย วิเคราะห์กันแบบเจาะลึกเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า
- บุหรี่ไฟฟ้าดียังไง
แน่นอนอยู่แล้วว่าหากมีสารเคมีในตัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าน้อยกว่า ก็หมายความว่าจะส่งผลดีต่อตัวนักสูบเองมากกว่า เพราะว่าในบุหรี่ที่เป็นยาสูบนั้นมีสารเคมีไม่ต่ำกว่า 10 ชนิดที่ส่งผลเสียก่อให้เกิดโรคมากมาย แต่ในทางตรงกันข้ามบุหรี่ไฟฟ้ากับเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ติดบุหรี่มานาน เพราะในการติดนั้นเกิดจากตัว “นิโคติน” ในบุหรี่ไฟฟ้าก็ยังมีสารเคมีตัวนี้อยู่ แต่มีข้อดีคือนักสูบสามารถเลือกความเข้มข้นของตัวนิโคตินได้เมื่อเลือกซื้อน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งตั้งแต่มีการผลิตเทคโนโลยีดี ๆ นี้ขึ้นมา ช่วยทำให้จำนวนผู้ที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งปอดหรือว่าโรคที่เกิดจากบุหรี่นั้นน้อยลงเป็นอย่างมากเนื่องจากคนหันมาให้ความสนใจกับตัวบุหรี่ไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น
- ข้อเสียของบุหรี่ไฟฟ้า
มีดีก็ต้องมีเสียกันบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเลือกซื้อน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าหรือตัวบุหรี่ไฟฟ้าเองที่ไม่มีคุณภาพ สามารถส่งผลเสียต่อร่างกายของนักสูบได้ไม่ต่างจากบุหรี่ธรรมดา เพราะฉะนั้นแล้วนักสู้จึงควรเลือกซื้อบุหรี่ไฟฟ้าที่มีคุณภาพ ศึกษาเกี่ยวกับยี่ห้อหรือแบรนด์นั้น ๆ ก่อนให้ดี เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อตัวนักสูบเอง
สถานการณ์ของบุหรี่ไฟฟ้าในปัจจุบัน
ปัจจุบันนี้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นที่ยอมรับกันอย่างทั่วโลก ซึ่งสำหรับในต่างประเทศแล้ว มากกว่า 160 ประเทศ อนุญาตให้การสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย และมีจำนวนน้อยมากในกลุ่มประเทศที่ไม่ยอมรับ ซึ่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าก็มีทั้งประเทศที่เห็นด้วยเป็นอย่างมาก ประเทศที่ไม่เห็นด้วยแบบสุดโต่ง ยังประเทศออสเตรเลียที่มีการส่งเสริมให้มีการทำวิจัยเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้ากันอย่างจริงจัง แต่ในทางตรงกันข้ามอย่างประเทศอังกฤษ ที่ได้มีการทำวิจัยขึ้นมา และพบว่าคนในประเทศคิดว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้านั้นอันตรายกว่าสูบบุหรี่แบบธรรมดา
สำหรับในไทยแล้ว ถึงแม้ว่ากฎหมายจะยังไม่ยอมรับ แต่จำนวนผู้บริโภคก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ นักสูบสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดายผ่านช่องทางการนำเข้าออนไลน์ ซึ่งก็มีทั้งแบบคุณภาพดี และไม่มีคุณภาพเลย สุดท้ายนี้จึงอยากขอฝากให้นักสิงห์อมควันชาวไทยทุกท่านเลือกใช้ และเลือกซื้อบุหรี่ไฟฟ้าที่มีคุณภาพ มีมาตรฐาน มีใบรับรองอย่างถูกต้อง เพื่อประโยชน์ที่ดีที่สุดของตัวท่านเอง